หากพบข้อสงสัย ผิดปกติในร่างกาย ที่คิดว่าอาจจะเกิดมาจากอาการของมะเร็งตับ เราควรพบแพทย์ทันที เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที โดยแพทย์จะทำการตรวจ และทำการวินิจฉัยโรคอย่างละเอียด เพื่อผู้ป่วยจะได้ทราบว่าอาการที่ผิดปกติเกิดขึ้นจากสาเหตุใด
การวินิจฉัยมะเร็งตับ
อาศัยการตรวจต่างๆ ดังนี้
- เจาะเลือด อาจพบ เลือดข้น น้ำตาลในเลือดต่ำ แคลเซียมสูงเกินปกติ ค่าการทำงานของตับผิดปกติ ไขมันในเลือดสูง
- เจาะเลือดหาค่าสารเคมีที่มะเร็งตับปล่อยออกมา (Tumor marker) ได้แก่ หาค่าสารแอลฟ่า ฟีดตโปรตีน (Alpha-fetoprotein หรือ AFP) ซึ่งมักจะมีค่าสูงมาก เกิน 500 นาโนแกรมต่อลิตร (nanogram/l) ในขณะที่ค่าคนปกติไม่เกิน 10 นาโนแกรมต่อลิตร
- อัลตราซาวนด์ นอกจากมีประโยฃน์ช่วยวิจัยมะเร็งตับแล้ว การทำอัลตราซาวนด์ ยังสามารถบอกได้ว่า มีจำนวนกี่ก้อนลักษณะเป็นอย่างไร ขนาดโตเท่าไหร่ กระจายที่ไหนบ้าง
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และการตรวจด้วยรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(MRI) แม้มีราคาแพง แต่นอกจากมีประโยชน์เหมือนการตรวจโดยอัลตราซาวนด์ ยังอาจได้รับรายละเอียดมากกว่า เช่น ตรวจหาการกระจายของมะเร็งตับไปที่ต่อมน้ำเหลือง หรือการลุกลามเข้าเส้นเลือด
- เจาะเอาเนื้อตับมาส่องกล้องตรวจทางพยาธิวิทยา โดยทั่วไปไม่ได้ทำทุกราย ทำเฉพาะในบางรายที่สงสัยและวินิจฉัยไม่ได้ เพราะการตรวจที่กล่าวมา ร่วมกับการเจาะหา AFP ที่สูง สามารถวินิจฉัยมะเร็งตับได้